วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

หลวงปู่สรวง "เรื่องเล่าเท่าที่รู้ 4"


วันละสังขารตอน 2

เหตุการณ์ในวันที่ 8 กันยายน 2543  ขึ้น  10 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง
              ด้านนางเล็กได้จัดหาอาหารและอาหารแห้งมาให้นายสุขส่วนตัวเองกับสามีก็รีบขับรถตามมาทีหลัง  พอมาถึงกระท่อมปรากฏว่าไม่มีรถของนายชัยจอดอยู่  พวกที่อยู่ช่วยกันประกอบอาหารอย่างรีบเร่งเพื่อจะให้หลวงปู่ได้ฉัน  โดยหวังว่าหากหลวงปู่ฉันแล้วก็คงจะทำให้หลวงปู่มีอาการดีขึ้นบ้าง  แต่หลวงปู่ไม่ยอมฉันเลย  แม้จะพากันอ้อนวอนอย่างไรก็นิ่งเฉย  นายชัยที่ออกไปทำธุระข้างนอกได้กลับมาโดยขับรถตามนายน้อยที่นำของมาถวายหลวงปู่เหมือนเดิม  เมื่อไม่สามารถที่จะทำให้หลวงปู่ฉันได้  ทุกคนก็พิจารณาหาวิธีการว่าจะช่วยหลวงปู่ได้อย่างไร

     ในที่สุดก็มีความเห็นว่าให้รีบแต่งขันธ์ห้าขันธ์แปด (ดอกไม้ธูปเทียน) ขอขมาหลวงปู่โดยด่วนตามที่เคยกระทำมาแล้วและได้ผลมาหลายครั้ง  หลวงปู่หายจากการป่วยทุกครั้งไป  โดยการยืนยันของนายชัยว่าถ้าได้แต่งขันธ์ห้าขันธ์แปดขอขมาพร้อมนิมนต์แม่ชีมาร่วมสวดมนต์ให้ท่านฟังด้วยแล้วท่านก็จะหายเป็นปกติ  ทุกคนเห็นชอบด้วย  จึงได้ให้นายชัยรีบไปดำเนินการโดยด่วน

     นายชัยขับรถออกไปที่บ้านขยุง  เพื่อไปหาคนที่เคยแต่งขันธ์ห้าขันธ์แปด  เมื่อนายชัยออกไปแล้วลูกศิษย์ที่อยู่ที่นั่น  ซึ่งประกอบด้วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านรุน และลูกบ้านอีกหลายคน รวมทั้งเจ้าของกระท่อมนาที่หลวงปู่พักอยู่ด้วยได้ช่วยกันแต่งขันธ์ห้าขันแปดเฉพาะหน้าไปก่อน  เพื่อเป็นการบรรเทาจนกว่านายชัยจะตามคนแต่งมาแต่งให้อีกทีหนึ่ง  โดยตัวนายน้อยเองได้อาสาไปหาธูปเทียนจากข้างนอก  นายน้อยได้ขับรถไปประมาณ 300 เมตร ก็ไปติดหล่มไม่สามารถขับออกไปได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นทางที่ขับเข้าออกเป็นประจำไปมาได้สะดวกตลอดเวลา  และด้วยความร้อนใจอยากจะได้ธูปเทียนมาโดยเร็ว  นายน้อยได้จัดการล็อครถแล้วอุ้มลูกเดินออกไป

     ช่วงนั้นเองนายชัยก็ได้ขับรถเข้ามาแต่ก็ผ่านเข้ามาไม่ได้  เนื่องจากรุของนายน้อยจดอติดหล่มขวางไว้จึงได้กลับรถแล้วเอาไปจอดไว้ที่บ้านนายน้อย

        ระหว่างที่กำลังคอยนายน้อยออกไปซื้อธูปเทียนนั้น  บรรดาชาวบ้าน บ้านรุน รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านก็ได้ทยอยกันลากลับที่ละคนสองคน  มีชาวบ้านรุนซึ่งเป็นผู้หญิงพูดออกความเห็นว่าถ้าจะให้ดีแล้วควรนำหลวงปู่ส่งโรงพยาบาลน่าจะเป็นการดีที่สุด   แต่ก้กลับบ้าปนไปจนหมดไม่เหมือนทุกครั้งที่เขาเหล่านั้นจะอยู่กับหลวงปู่ตลอดเวลา ไม่ยอมกลับกันง่าย ๆ จะกลับไปก็ต่อเมื่อหลวงปู่ได้ไปที่อื่นแล้วเท่านั้น  มีลูกศิษย์ที่อยู่กับหลวงปู่ในกระท่อมแค่ 8 คนเท่านั้น รวมทั้งเด็กที่เป็นลูกของนายจุกนางเล็กด้วย  ทุกคนก็ต่างหาวิธีการที่จะช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของหลวงปู่  ซึ่งขณะนั้นเมื่อจับดูตามร่างกายของหลวงปู่จะเย็นจัดตลอดเวลา  บางคนได้เอาหมอนไปอังไฟให้ร้อนแล้วนามมาประคบตามร่างกายของหลวงปู่  เอาผ้าชุบน้ำเช็ดนิ้งมือนิ้งเท้าหลวงปู่  ทำความสะอาดและเช็ดทั้งร่างกาย  โดยย้ำว่าให้ทำความสะอาดที่สุด บางจุดที่เท้าของหลวงปู่ที่ลูกศิษย์เช็ดให้ไม่สะอาดพอ  หลวงปู่ก็จะชี้นิ้วเกาถูออกอย่างแรงจนสะอาด เมื่อทำความสะอาดร่างกายดีพอสมควรแล้ว  หลวงปู่ได้เอ่ยออกเสียงแผ่วเบามาเป็นภาษาเขมร เนียงนาลาน” (นาง ไหนล่ะรถ) ซึ่งเสียงที่เปล่งออกมานั้นแผ่วเบามาก  ทุกคนเข้าใจว่าเนียงนั้นหมายถึงนางเล็ก จึงได้พากันอุ้มหลวงปู่ไปขึ้นรถของนายจุกนางเล็ก  ผู้ที่อุ้มมีนายจุกและนายตี๋  นายสุขเป็นผู้เปิดประตูรถให้  พอนำหลวงปู่ขึ้นนั่งบนรถลูกศิษย์ได้ปรับเบาะเอนลง  เพื่อจะได้ให้หลวงปู่ได้เอนกายสบายขึ้น  ท่านได้พยายามยื่นมือมาดึงประตูรถปิดเอง  ลูกศิษย์ก็ได้ช่วยปิดให้  รถเคลื่อนออกจากกระท่อมเพื่อจะไปโรงพยาบาลบัวเชด  ซึ่งใกล้ที่สุดแต่ไปได้ไม่ถึง 50 เมตร อาการของหลวงปู่ก็เริ่มหนักขึ้นทุกที จนลูศิษย์ที่นั่งอยู่ด้วยด้านหลังตกใจ  และร้องขึ้นว่า “หลวงปู่อาการหนักมากแล้ว” จึงจอดรถผู้ที่นั่งอยู่รถคันหลังก็วิ่งเข้ามาดูแล้วก็บอกว่า  อย่างไรก็ต้องนำหลวงปู่ไปส่งให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้  รถจึงออกอีกครั้ง  แต่ไม่สามารถจะไปได้ เพราะรถของนายน้อยติดหล่มขวางทางอยู่  นายจุกได้ร้องตะโกนบอกให้นายจันวิ่งไปสำรวจดูเส้นทางอื่นว่าจะนำรถออกไปทางไหนได้อีก

       เมื่อดูโดยทั่วแล้วก็เห็นว่าทางออกอีกเพียงทางเดียว ก็คือขับฝ่าทุ่งหญ้าออกไปหาถนน  เมื่อดูสภาพทางแล้วก็ไม่น่าจออกไปได้ แต่ก็ตัดสินใจขับออกไปและก็สามารถขับผ่านไปได้
เรื่องจากหนังสือ หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูญ บำเพ็ญกุศลครบ 100 วัน
โปรดติดตาม วันละสังขารตอน 3 ตอนจบ
ผงโคลนพอกหน้าจากแร่ทองคำธรรมชาติ

ตรีผลา รักษาริดสีดวงทวารหาย 100%www.tripala.weebly.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น