วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

ผ้ายันต์ หลวงปู่สรวงรุ่นแรกวัดไพรพัฒนา

ผ้ายันต์รุ่นแรก หลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา รุ่นแรกมี 2 สีขาวและสีแดง

รักษาริดสีดวงทวารได้ดี 100%


ผ้ายันต์หลวงปู่สรวง รุ่นนี้ออกปี 2555


ย้ายันต์หลวงปู่สรวงรุ่นนี้ออกปี 2555

ผ้ายันต์หลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนารุ่นแรก

ผ้ายันต์หลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนารุ่นแรก

จีวรหลวงปู่สรวง

 จีวรที่เปลี่ยนผ้าไตรแล้วทุกปีหลวงพ่อพุฒจะแจกให้แก่ผู้ไปร่วมงานวันเปลี่ยนผ้าไตร 7 เมษายนของทุกปี

จีวรหลวงปู่สรวงปี 2556

โคลนพอกหน้าจากแร่ทองคำธรรมชาติ

ตรีผลา รักษาริดสีดวงทวารได้ดี 100 %

หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา

                                                              หลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา
ริดสีดวงทวาร หาย 100%
โคลนพอกหน้า

หลวงปู่สรวง รุ่นหยดน้ำ

หลวงปู่สรวงรุ่นหยดน้ำ วัดไพรพัฒนา
nangching ผงโคลนพอกหน้าจากแร่ทองคำธรรมชาติ

ตรีผลา ริดสีดวงทวารหาย 100 %


หลวงปู่ซวง 500 พรรษา รุ่น 1 หลวงปู่สรวง

                                                    หลวงปู่ซวง 500 พรรษาจำวัดทั่วจักรวาล
 
 

 
 
nangching ผงโคลนจากแร่ทองคำธรรมชาติ

ตรีผลา รักษาริดสีดวงหาย 100%www.tripala.weebly.com

เหรียญ 500 พรรษา หลวงปู่สรวง

                                   เหรียญ 500 พรรษาหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา เป็นรูปเดินธุดงค์
 
ผงโคลนพอกหน้าจากแร่ทองคำธรรมชาติ

ตรีผลา รักษาริดสีดวงทวารหาย 100%www.tripala.weebly.com

เหรียญ ปี 2543 หลวงปู่สรวง


หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา
ผงโคลนพอกหน้าจากแร่ทองคำธรรมชาติwww.nangching.weebly.com

ตรีผลา รักษาริดสีดวงหาย 100%www.tripala.weebly.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

หลวงปู่สรวง"เรื่องเล่าเท่าที่รู้ 4"


                                                         วันละสังขาร ตอน 3 ตอนจบ

เหตุการณ์ในวันที่ 8 กันยายน 2543  ขึ้น  10 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง
      เหตุการณ์บนรถในขณะที่กำลังเลี้ยวรถเพื่อจะขับผ่านทุ่งหญ้าออกไปนั้นได้มีอาการบางอย่างที่เป็นสัญญาณแสดงว่าหลวงปู่จะมรณภาพแน่นอนให้คนที่อยู่บนรถเห็น  ต่างคนก็ร่ำไห้มองดูด้วยความอาลัยและสิ้นหวัง  หลวงปู่เริ่มหายใจแผ่วลง ในที่สุดได้ทอดมือทิ้งลงข้างกายแล้วก็จากไปด้วยความสงบอย่างไรก็ตาม ลูกศิษย์ก็ยังคงนำหลวงปู่มุ่งไปที่โรงพยาบาลด้วยความหวังว่าหมอจะสามารถช่วยให้หลวงปู่ฟื้นขึ้นมาได้ ระหว่างไปโรงพยาบาลนั้น นายสาด ชาวบ้านตาปิ่น อำเภอบัวเชด ก็ขับรถจักรยานยนต์สวนทางมา นายจุกชะลอรถแล้วตะโกนบอกให้นายสาดตามไปที่โรงพยาบาลบัวเชดด่วน  โดยบอกว่าอาการหลวงปู่นั้นแย่มาก  ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่  พอไปถึงโรงพยาบาลแพทย์และนางพยาบาลได้รีบนำหลวงปู่เข้าห้องฉุกเฉิน ทำการตรวจดดยละเอียดแล้วสรุปว่าหลวงปู่สิ้นลมไปแล้วไม่ต่ำว่า 3-4 ชั่วโมง  แต่ลูกศิษย์ต่างก็ยืนยันว่าสิ้นลมไม่เกิน 10 นาทีแน่นอน เพราะระยะทางจากบ้านรุนมาดรงพยาบาลบัวเชดประมาณ 10 กิโลเมตร  และก็ได้ขับรถมาอย่างเร็วด้วย ลูกศิษย์ไม่ให้ทางโรงพยาบาลฉีดยา หรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งกับร่างกายของหลวงปู่ทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าไม่สามารถจะช่วยหลวงปู่ได้แน่นอนแล้วก็พากันนำร่างหลวงปู่กลับ

     พอมาถึงบ้านตาปิ่นก็ได้แวะจอดเอาจีวรเก่าของหลวงปู่ที่เคยให้นายสาดไว้  เพื่อนำมาครองให้หลวงปู่ให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อย  นายสาดก็ได้นำขึ้นรถมาด้วย  พอถึงบ้านรุนนายชัยและนายน้อยได้จอดรถรออยู่แล้วก็ได้แจ้งว่าหลวงปู่มรณภาพแล้ว  ต่างคนต่างก็รีบขับรถออกมาโดยมุ่งหน้าไปทางบ้านละลม พอมาถึงบ้านไพรพัฒนา นายจุกได้ขับรถแวะเข้าที่วัดไพรพัฒนาเพื่อแจ้งข่าวให้หลวงพ่อพุฒ วายาโม เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนาได้ทราบว่าหลวงปู่ได้มรณภาพแล้ว ขณะนั้นเวลาประมาณ 19.00น.  หลวงพอ่พุฒกำลังนั่งสนทนากับพระลูกวัดอยู่ก็มีรถ  4 คันวิ่งมาจอด มีนายสาด ตาปิ่น ซึ่งเป็นคนที่รู้จักขึ้นมาบนกุฏิแล้วบอกหลวงพ่อพุฒว่า  หลวงปู่สรวงมรณะภาพแล้ว  หลวงพ่อพุฒอึ้งอยู่ขณะหนึ่งแล้วถามว่า มรณภาพที่ไหน นายสาดตอบว่า มรณภาพที่โรงพยาบาลและได้นำร่างของท่านมาพร้อมกับรถนี้แล้ว  หลวงพ่อพุฒจึงลงไปที่รถแล้วเปิดประตูกราบลงบนตักหลวงปู่  แล้วเอามือจับตามร่างกาย  และถามบรรดาลูกศิษย์ว่าจะดำเนินการกันต่อไปอย่างไร  ก็ได้รับคำตอบว่า  จะนำศพหลวงปู่ไปบำเพ็ญที่วัดบ้านขยุง  หลวงพ่อพุฒบอกให้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนจะตามไปทันที  รถทั้งสี่คันเคลื่อนตัวออกจากวัดไพรมุ่งหน้าไปยังบ้านขยุง หลวงพ่อพุฒที่ได้เดินทางตามมาได้อธษฐานว่า สาธุ ถ้าหากหลวงปู่มีความประสงค์จะให้ลูกหลานได้เป็นผู้บำเพ็ญกุศล ก็ขอให้หลวงปู่ได้กลับมายังวัดด้วยเถิด “  พอถึงหน้าวัดป่าบ้านโคกชาติ มีรถหลายคันจอดอยู่ ปรากฏว่าขบวนที่นำร่างหลวงปู่มาบอกว่าจะนำร่างหลวงปู่กลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดไพรพัฒนาหลังจากที่เดินทางกลับมาถึงวัดไพรพัฒนาแล้ว  หลวงพ่อได้อัญเชิญร่างของหลวงปู่มาไว้ที่ศาลลาพร้อมกับจุดธูปอธิฐานว่า “หากเป็นความประสงค์ของหลวงปู่ที่จะให้ลูกหลานได้บำเพ็ญกุศลในที่นี่จริง ก็ขอให้ดำเนินการไปโดยเรียบร้อย และก็ขอให้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่เดินทางมาร่วมบำเพ็ญกุศลโดยทั่วกันด้วย”

   ต่อจากนั้นก็ได้ดำเนินการบำเพ็ญกถศลให้กับหลวงปู่อย่างที่เห็นในปัจจุบัน นี่คือเหตุการณ์ทั้งหมดว่าด้วยเหตุใดสรีระของหลวงปู่สรวงจึงได้มาตั้งบำเพ็ยกุศลอยู่ที่วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
เรื่องจากหนังสือ หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูญ บำเพ็ญกุศลครบ 100 วัน
ผงโคลนพอกหน้าจากแร่ทองคำธรรมชาติ

ตรีผลา รักษาริดสีดวงทวารได้ผล 100%www.tripala.weebly.com

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

หลวงปู่สรวง "เรื่อง เล่าเท่าที่รู้ 1" ออยเตรียญสรูญ วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ

รูปเหมือนหลวงปู่สรวง ที่วัดไพรพัฒนา
อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ 
ภาพถ่ายเมื่อ 7 เมษายน 2556
        ขอกราบบูชาองค์หลวงปู่สรวง(ออยเตียนสรูล) ลูกขออนุญาติองค์หลวงปู่ขอเรียน " เรื่องเล่าเท่าที่รู้ องค์หลวงปู่สรวง"  ซึ่งเรื่องที่เล่านี้เป็นข้อมูลที่ได้สอบถามจากผู้รู้  ผู้ที่ติดตามหลวงปู่สรวง ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และเป็นเรื่องที่ได้ประสพมาด้วยตนเอง   เรื่องเล่าเท่าที่รู้ขององค์หลวงปู่สรวง อาจมีบางสิ่งบางอย่าง ผิดพลาดบ้าง ขอให้องค์หลวงปู่สรวง ให้อภัยแต่ลูกหลานด้วยเทอญ

เรื่องเล่าเท่าที่รู้ องค์หลวงปู่สรวง วัดไพรพ้ฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ

ตอนที่ 1 เริ่มต้นรู้จักองค์หลวงปู่สรวง
               เมื่อประมาณปี 2545  ผมได้มีโอกาสเห็นรูปภาพ ภาพหนึ่งจากลูงปาน เป็นช่างซ่อมหม้อหน้าุรถยนต์  ที่คลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ได้นำภาพขนาด  7x10 นิ้วใส่กรอบทองอย่างดีมาให้ผมดู  แล้วเล่าให้ผมฟังว่า มีลูกค้าที่มาซ่อมหม้อน้ำได้นำมามอบให้ เป็นภาพที่มีชายแก่คนหนึ่งนั่งเอามือลูบที่คางใส่เสื้อแต่มีผ้าเลืองพาดบนบ่า นั่งข้างเขียงนา  ลุงปานบอกว่า ไม่รู้ว่า เป็นพระ หรือ เป็นคนธรรมดา เล่นว่าวไม่ต้องใช้สายแต่ว่าขึ้นได้  ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก ไม่รู้ว่าอายุเท่าไร บอกคนบอกว่า 300 ปีบางคนบอก 500 ปี เป็นผู้มีวิชามาก เป็นเรื่องที่ชายมาทำหม้อน้ำ เล่าให้ลุงปานฟัง ในรูปเขียนไว้ว่า หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุทำให้ผมสนใจหลวงปู่สรวง  แต่ทางภาคอีสานผมยังไม่เคยเดินทางมาเที่ยวเลย จึงไม่รู้อะไรมาเกี่ยวกับหลวงปู่สรวง
ลุงปาน ผู้ที่ให้ผมรู้จักหลวงปู่สรวง
ครั้งแรกที่ได้พบหลวงปู่สรวง
          ประมาณต้นปี 2546 ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวที่บ้านญาติที่จังหวัดศรีสะเกษ  ใกล้เขาพระวิหาร  เราเดินทางด้วยรถส่วนตัวมีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 6 คน เราได้เดินทางจากกรุงเทพไปทางโคราชแล้วใช้ถนนสาย 24 วิ่งไปปักธงชัย นางรอง บุรีรัมย์  ผ่านแยกประสาท พอถึงแยกนาเจริญ ผมได้ป้ายเขียนไว้ หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา อำเภอภูสิงค์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นป้ายไม้ไม่ใหญ่มาเท่าไหร่ (ซึ่งไม่เหมือนปัจจุบันทีทั้งป้ายทั้งรูปหลวงปู่บอกทางจนถึงวัดเลย)  ผมก็บอกว่าหลวงปู่สรวงที่อีสานเล่นว่าวไม่ต้องใช้สายว่าวนะเขาว่าเก่งมา ไม่รู้ว่าใช่องค์เดียวกันหรือเปล่า  ผมได้โทรมาหาลุงปานที่เป็นช่างทำหม้อน้ำรถยนต์ว่า "ลุงหลวงปู่สรวง ที่ลุงเคยบอกอยู่จังหวัดอะไร"  ลุงปานดูที่รูปแล้วตอบมาว่า วัดไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ   ผมก็ได้ชวนทุกคนในรถว่าเวลากลับเราแวะไหว้หลวงปู่กันทุกคนต่างก็เห็นด้วย
          พอวันรุ่งขึ้นเราจะมาเที่ยวช่องจอม ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนไทยกับประเทศกัมพูชา ที่จังหวัดสุรินทร์ เราก็ต้องมาผ่านทางเข้าวัดหลวงปู่สรวงอีก  เราก็เลยตกลงว่ากลับจากเที่ยวตลาดช่องจอม เราแวะกราบหลวงปู่สรวงกัน

เรื่องมหัสจรรย์ระหว่างเดินทางไปกราบหลวงปู่สรวงครั้งแรก
          เราได้ขับรถกลับมาจากช่องจอม ผ่านอำเภอสังขะ พอถึงแยกนาเจริญ มีป้ายบอกทางไปด่านช่องสะงำ ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ทราบว่าหลวงปู่สรวงละสังขารไปแล้ว  เราคุยกันไปในรถว่าหลวงคงนั่งคอยเราอยู่นที่วัดเดียวเราคงได้เจอแ่น่  ระหว่างที่คุยกันมาถึงทางแยกไปอำเภอภูสิงห์   พอรถผ่านไปนิดเดียวคนขับรถต้องเบรคกระทันหัน หยุดรถเพื่อให้ลูกเป็ดเพิ่งเกิดใหม่ตัวอยังมีสีเหลืองอยู่เลย  3 ตัว ซึ่งตัวแรกที่เดินนำหน้าจะตัวใหญ่ และเล็ก เรียงกันมาเป็นแถวเดินข้ามถนนมาจากทางขวามือคนขับ เราตกใจและเงียบกันทั้งคน พอได้สติ ก็ตีเป็นหวยกัน บางคนบอกว่าเป็ด ก็เลข 8 บางคนก็ว่าเป็ด 3 ตัว บางคนก็บอกเป็ดเดินก็ 9  ซึ่งเป็นที่น่าแรกใจว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หน้าแล้ง ลูกเป็ดมาจากไหน ทำไมมาเดินกลางถนนช่วงกลางวันแดดจัด ๆ  ซึ่งถ้ามีเจ้าน่าจะใส่เล้าหรือขังไว้อย่างดี  ก็เป็นที่สังสัยของทุกคนในรถที่ไปด้วยกัน  พอรับขับรถไปอีกสัก1 กิโลเมตร ก็มีรถทหาร เป็นรถลาดตะเวณ มีทหารมีปีนครบเต็มรถวิ่งนำหน้ารถเรา เราดีใจว่ามีรถทหารนำขบวนให้ ดูในทุ่งนาก็มีเต้นทหาร มีรถถังจอดแอบตามรายทาง เรามารู้ที่หลังว่า ชายแดนเขาสั่งตรึงกองกำลัง จึงมีทหารเต็มไปหมด 
      พอถึงวัด จอดรถข้างศาลามุงแฝก ไม่เป็นมีคนเลย พระก็ไม่เจอสักองค์ พอเดินขึ้นบนศาลาไม้ที่มุงแฝก เห็นพระนั่งอยู่องค์เดียว ก็รีบเข้าไปกราบ ไปกันหลายคน ทุกคนกราบเสร็จก็นั่งพับเพียบกับพื้น  เราดีใจว่าหลวงปู่นั่งคอยพวกเราเหมือนอย่างกับหลวงปู่รู้ว่าเราจะมาหา  หลวงปู่นั่งมองจองตามาที่เราทุกคน  ผมนึงในใจว่าทำไมหลวงปู่ไม่พูดสักที  พอมองเพ่งไปนาน  ก็เห็นโลงแก้วอยู่ด้านหลัง มีร่างหลวงปู่นอนอยู่ เราหันมาคุยกันใหญ่เคยว่า นึกว่าหลวงปู่คอยเราเหมือนอย่างที่เราคุยกันมาในรถ  เราได้กราบและเดินดูวัตถุมงคลในตู้ที่วางไว้ด้านทิศตะวันออกของศาลา ไม่มีใครดูแล สักพักก็มีลูกศิษย์หลวงปู่มาจากไหนก็ไม่รู้ มาคนเดียวมารอดใต้โลง หลวงปู่ และบอกพวกเราว่าให้รอดใต้โลงหลวงปู่ แล้วจะโชคดี และวัตถุมงคลในตู้ ให้เลือกบูชาเอา แล้วไปวางหน้าหลวงปู่ เงินใส่ในตู้ทำบุญกับหลวงปู่เท่าใดก็ได้  พอคนนั้นพูดเสร็จก็กลับไปขับรถออกจากวัดไป ที่วัดไม่มีใครเลยนอกจากพวกเรา  เราได้บูชาหนังสือหลวงปู่สรวงเล่ม 1 , 2 ไปอ่านเป็นเล่มเล็ก ๆ  แล้วเราก็ลอดใต้โลงหลวงปู่ แล้วกลับไปโดยไม่เจอใครเลย

อ่านประวัติหลวงปู่สรวง

           พอกับมาถึงที่พักเราทุกคนได้อ่านประวัติหลวงปู่สรวง ทุกคนอ่านแบบรวดเดียวจบเล่ม ไม่วางเลยพอรุ่งเช้าเราไม่ไปเที่ยวที่ไหนแล้วทุกคนลงมติ กลับมากราบหลวงปู่อีกครั้งก่อนกับกรุงเทพ ประวัติเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก  

ไขปริศนาเรื่องเจอลูกเป็ด 3 ตัว

           วันที่สองเรากลับมาที่วัดไพรพัฒนาใหม่อีกครั้ง  คราวนี้ก็เหมือนเดิมไม่เจอใครสักคน เราก็กราบหลวงปู่ รอดใต้โลงหลวงปู่ นั่งพักเดินดูวัตถุมงคล อ่านเรื่องราวของหลวงปู่ตามป้ายที่ทางวัดจัดไว้ตรงมุมถนนที่ลงมาจากศาลาหลวงปู่ ทุกวันนี้ป้ายนี้ก็ยังอยู่  พออ่านป้ายได้สักพักก็มีผู้ชายเดินมาจากทางกุฏิ แล้วถามเราว่า "มาจากไหน"



        

หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา

หลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา
หลวงปู่สรวง ด้านหลัง

ผงโคลนพอกหน้าจากแหล่งทองคำธรรมชาติ

ตรีผลา ใช้กับริดสีดวงทวารได้ผลดีwww.tripala.weebly.com