 |
รูปเหมือนหลวงปู่สรวง ที่วัดไพรพัฒนา
อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ |
ภาพถ่ายเมื่อ 7 เมษายน 2556
ขอกราบบูชาองค์หลวงปู่สรวง(ออยเตียนสรูล) ลูกขออนุญาติองค์หลวงปู่ขอเรียน " เรื่องเล่าเท่าที่รู้ องค์หลวงปู่สรวง" ซึ่งเรื่องที่เล่านี้เป็นข้อมูลที่ได้สอบถามจากผู้รู้ ผู้ที่ติดตามหลวงปู่สรวง ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และเป็นเรื่องที่ได้ประสพมาด้วยตนเอง เรื่องเล่าเท่าที่รู้ขององค์หลวงปู่สรวง อาจมีบางสิ่งบางอย่าง ผิดพลาดบ้าง ขอให้องค์หลวงปู่สรวง ให้อภัยแต่ลูกหลานด้วยเทอญ
เรื่องเล่าเท่าที่รู้ องค์หลวงปู่สรวง วัดไพรพ้ฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
ตอนที่ 1 เริ่มต้นรู้จักองค์หลวงปู่สรวง
เมื่อประมาณปี 2545 ผมได้มีโอกาสเห็นรูปภาพ ภาพหนึ่งจากลูงปาน เป็นช่างซ่อมหม้อหน้าุรถยนต์ ที่คลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ได้นำภาพขนาด 7x10 นิ้วใส่กรอบทองอย่างดีมาให้ผมดู แล้วเล่าให้ผมฟังว่า มีลูกค้าที่มาซ่อมหม้อน้ำได้นำมามอบให้ เป็นภาพที่มีชายแก่คนหนึ่งนั่งเอามือลูบที่คางใส่เสื้อแต่มีผ้าเลืองพาดบนบ่า นั่งข้างเขียงนา ลุงปานบอกว่า ไม่รู้ว่า เป็นพระ หรือ เป็นคนธรรมดา เล่นว่าวไม่ต้องใช้สายแต่ว่าขึ้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก ไม่รู้ว่าอายุเท่าไร บอกคนบอกว่า 300 ปีบางคนบอก 500 ปี เป็นผู้มีวิชามาก เป็นเรื่องที่ชายมาทำหม้อน้ำ เล่าให้ลุงปานฟัง ในรูปเขียนไว้ว่า หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุทำให้ผมสนใจหลวงปู่สรวง แต่ทางภาคอีสานผมยังไม่เคยเดินทางมาเที่ยวเลย จึงไม่รู้อะไรมาเกี่ยวกับหลวงปู่สรวง
.jpg) |
ลุงปาน ผู้ที่ให้ผมรู้จักหลวงปู่สรวง |
ครั้งแรกที่ได้พบหลวงปู่สรวง
ประมาณต้นปี 2546 ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวที่บ้านญาติที่จังหวัดศรีสะเกษ ใกล้เขาพระวิหาร เราเดินทางด้วยรถส่วนตัวมีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 6 คน เราได้เดินทางจากกรุงเทพไปทางโคราชแล้วใช้ถนนสาย 24 วิ่งไปปักธงชัย นางรอง บุรีรัมย์ ผ่านแยกประสาท พอถึงแยกนาเจริญ ผมได้ป้ายเขียนไว้ หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา อำเภอภูสิงค์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นป้ายไม้ไม่ใหญ่มาเท่าไหร่ (ซึ่งไม่เหมือนปัจจุบันทีทั้งป้ายทั้งรูปหลวงปู่บอกทางจนถึงวัดเลย) ผมก็บอกว่าหลวงปู่สรวงที่อีสานเล่นว่าวไม่ต้องใช้สายว่าวนะเขาว่าเก่งมา ไม่รู้ว่าใช่องค์เดียวกันหรือเปล่า ผมได้โทรมาหาลุงปานที่เป็นช่างทำหม้อน้ำรถยนต์ว่า "ลุงหลวงปู่สรวง ที่ลุงเคยบอกอยู่จังหวัดอะไร" ลุงปานดูที่รูปแล้วตอบมาว่า วัดไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ผมก็ได้ชวนทุกคนในรถว่าเวลากลับเราแวะไหว้หลวงปู่กันทุกคนต่างก็เห็นด้วย
พอวันรุ่งขึ้นเราจะมาเที่ยวช่องจอม ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนไทยกับประเทศกัมพูชา ที่จังหวัดสุรินทร์ เราก็ต้องมาผ่านทางเข้าวัดหลวงปู่สรวงอีก เราก็เลยตกลงว่ากลับจากเที่ยวตลาดช่องจอม เราแวะกราบหลวงปู่สรวงกัน
เรื่องมหัสจรรย์ระหว่างเดินทางไปกราบหลวงปู่สรวงครั้งแรก
เราได้ขับรถกลับมาจากช่องจอม ผ่านอำเภอสังขะ พอถึงแยกนาเจริญ มีป้ายบอกทางไปด่านช่องสะงำ ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่ทราบว่าหลวงปู่สรวงละสังขารไปแล้ว เราคุยกันไปในรถว่าหลวงคงนั่งคอยเราอยู่นที่วัดเดียวเราคงได้เจอแ่น่ ระหว่างที่คุยกันมาถึงทางแยกไปอำเภอภูสิงห์ พอรถผ่านไปนิดเดียวคนขับรถต้องเบรคกระทันหัน หยุดรถเพื่อให้ลูกเป็ดเพิ่งเกิดใหม่ตัวอยังมีสีเหลืองอยู่เลย 3 ตัว ซึ่งตัวแรกที่เดินนำหน้าจะตัวใหญ่ และเล็ก เรียงกันมาเป็นแถวเดินข้ามถนนมาจากทางขวามือคนขับ เราตกใจและเงียบกันทั้งคน พอได้สติ ก็ตีเป็นหวยกัน บางคนบอกว่าเป็ด ก็เลข 8 บางคนก็ว่าเป็ด 3 ตัว บางคนก็บอกเป็ดเดินก็ 9 ซึ่งเป็นที่น่าแรกใจว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ หน้าแล้ง ลูกเป็ดมาจากไหน ทำไมมาเดินกลางถนนช่วงกลางวันแดดจัด ๆ ซึ่งถ้ามีเจ้าน่าจะใส่เล้าหรือขังไว้อย่างดี ก็เป็นที่สังสัยของทุกคนในรถที่ไปด้วยกัน พอรับขับรถไปอีกสัก1 กิโลเมตร ก็มีรถทหาร เป็นรถลาดตะเวณ มีทหารมีปีนครบเต็มรถวิ่งนำหน้ารถเรา เราดีใจว่ามีรถทหารนำขบวนให้ ดูในทุ่งนาก็มีเต้นทหาร มีรถถังจอดแอบตามรายทาง เรามารู้ที่หลังว่า ชายแดนเขาสั่งตรึงกองกำลัง จึงมีทหารเต็มไปหมด
พอถึงวัด จอดรถข้างศาลามุงแฝก ไม่เป็นมีคนเลย พระก็ไม่เจอสักองค์ พอเดินขึ้นบนศาลาไม้ที่มุงแฝก เห็นพระนั่งอยู่องค์เดียว ก็รีบเข้าไปกราบ ไปกันหลายคน ทุกคนกราบเสร็จก็นั่งพับเพียบกับพื้น เราดีใจว่าหลวงปู่นั่งคอยพวกเราเหมือนอย่างกับหลวงปู่รู้ว่าเราจะมาหา หลวงปู่นั่งมองจองตามาที่เราทุกคน ผมนึงในใจว่าทำไมหลวงปู่ไม่พูดสักที พอมองเพ่งไปนาน ก็เห็นโลงแก้วอยู่ด้านหลัง มีร่างหลวงปู่นอนอยู่ เราหันมาคุยกันใหญ่เคยว่า นึกว่าหลวงปู่คอยเราเหมือนอย่างที่เราคุยกันมาในรถ เราได้กราบและเดินดูวัตถุมงคลในตู้ที่วางไว้ด้านทิศตะวันออกของศาลา ไม่มีใครดูแล สักพักก็มีลูกศิษย์หลวงปู่มาจากไหนก็ไม่รู้ มาคนเดียวมารอดใต้โลง หลวงปู่ และบอกพวกเราว่าให้รอดใต้โลงหลวงปู่ แล้วจะโชคดี และวัตถุมงคลในตู้ ให้เลือกบูชาเอา แล้วไปวางหน้าหลวงปู่ เงินใส่ในตู้ทำบุญกับหลวงปู่เท่าใดก็ได้ พอคนนั้นพูดเสร็จก็กลับไปขับรถออกจากวัดไป ที่วัดไม่มีใครเลยนอกจากพวกเรา เราได้บูชาหนังสือหลวงปู่สรวงเล่ม 1 , 2 ไปอ่านเป็นเล่มเล็ก ๆ แล้วเราก็ลอดใต้โลงหลวงปู่ แล้วกลับไปโดยไม่เจอใครเลย
อ่านประวัติหลวงปู่สรวง
พอกับมาถึงที่พักเราทุกคนได้อ่านประวัติหลวงปู่สรวง ทุกคนอ่านแบบรวดเดียวจบเล่ม ไม่วางเลยพอรุ่งเช้าเราไม่ไปเที่ยวที่ไหนแล้วทุกคนลงมติ กลับมากราบหลวงปู่อีกครั้งก่อนกับกรุงเทพ ประวัติเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
ไขปริศนาเรื่องเจอลูกเป็ด 3 ตัว
วันที่สองเรากลับมาที่วัดไพรพัฒนาใหม่อีกครั้ง คราวนี้ก็เหมือนเดิมไม่เจอใครสักคน เราก็กราบหลวงปู่ รอดใต้โลงหลวงปู่ นั่งพักเดินดูวัตถุมงคล อ่านเรื่องราวของหลวงปู่ตามป้ายที่ทางวัดจัดไว้ตรงมุมถนนที่ลงมาจากศาลาหลวงปู่ ทุกวันนี้ป้ายนี้ก็ยังอยู่ พออ่านป้ายได้สักพักก็มีผู้ชายเดินมาจากทางกุฏิ แล้วถามเราว่า "มาจากไหน"